รากฟันเทียม (Dental implant) ถูกที่ออกแบบขึ้นมาทดแทนรากฟันจริง ซึ่งผลิตจากวัสดุไททาเนียม (Titanium) ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้เข้ากับร่างกายของคนเราได้ดี จึงสามารถฝังลงในกระดูกเพื่อให้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องรากฟันและทำให้รากฟันเทียมติดแน่น
เนื่องจาก “รากฟันเทียม” เป็นวัสดุที่ทำจาก ”ไททาเนียม (Titanium)” มีลักษณะคล้ายกับสกรู เวลาใส่เข้าไปกระดูกขากรรไกร รากฟันเทียมจะทำหน้าที่เป็นหลักยึดครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม เพื่อทดแทนฟันเดิมที่หายไป ซึ่งใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องทำรากฟันเทียม
รากฟันเทียมจะทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติเพื่อรองรับฟันปลอม, ครอบฟัน หรือ สะพานฟัน ที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
ผู้ที่สูญเสียฟันไป เช่น ได้รับอุบัติเหตุ ฟันแตก/หักจนไม่สามารถบูรณะได้
ผู้ที่ปฏิเสธการใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ หรือกังวลเกี่ยวกับการสวมใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้
ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปาก แต่มีลักษณะของกระดูกขากรรไกรแบนหรือสันเหงือกละลายเยอะ ทำให้ฟันปลอมหลุดง่าย การปักรากเทียมจะช่วยให้การยึดฟันปลอมได้ดีขึ้น
ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ หรือมีโรคประจำตัวที่สามารถควบคุมได้
ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากเด็กจะยังคงมีการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรอยู่
เมื่อฟันเราหายไป 1 ซี่ หรือหลายซี่ แล้วไม่ได้ใส่ฟันปลอมในระยะเวลาที่เหมาะสม หากทิ้งไว้นานวันจะเกิดปัญหาสุขภาพฟันตามมา..
ฟันซี่ข้างเคียงล้มเอียงเข้ามาปิดช่องว่าง เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ หรือโรคปริทันต์ได้ง่าย
ฟันคู่สบยื่นย้อยลงมาในช่องว่างฟันล่างที่ถูกถอนไปแล้ว เสี่ยงต่อการเสียวฟันเพราะเหงือกร่นและรากฟันโผล่
ยิ้มแล้วไม่สวย ความมั่นใจหายไป โดยเฉพาะการสูญเสียฟันหน้าหรือฟันกรามน้อย
แก้มตอบ ใบหน้ามีริ้วรอย เนื่องจากการสูญเสียฟันหลัง
ฟันที่เหลืออยู่มีจำนวนน้อยลง ทำให้ได้รับแรงบดเคี้ยวมากขึ้น เสี่ยงฟันโยกหรือแตกได้
ดังนั้นหากท่านมีการสูญเสียฟันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณฟันหน้าหรือฟันหลัง แนะนำให้รีบพบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินการใส่ฟันปลอมให้เหมาะสมกับแต่ละท่าน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการสบฟันดังกล่าว
Implant Fixture คือ ส่วนที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรใต้เหงือก ทำมาจาก Titanium ทำหน้าที่แทนรากฟันจริง มีลักษณะคล้ายสกรู
Implant Abutment คือ ส่วนที่รับรองตัวครอบฟันหรือฟันปลอม ซึ่งถูกนำมาใช้ทดแทนโครงสร้างแกนฟัน ใช้ในการยึดระหว่างครอบฟัน หรือฟันปลอม กับรากฟันเทียม (ต่อมาจาก fixture)
Crown คือ ส่วนของครอบฟันหรือฟันปลอม ซึ่งทำจากเซรามิก (ceramic) โดยมีสีเหมือนฟันและรูปร่างลอกเลียนฟันธรรมชาติ
รากฟันเทียมซี่เดียว (Single Dental Implant) คือ การปักรากฟันเทียมแบบซี่เดียว เหมาะกับผู้ที่มีฟันหายไปเพียง 1 ซี่หรือหลายซี่ที่ไม่ได้อยู่ติดกัน
รากฟันเทียมหลายซี่ (Implant-Supported Bridge) คือ การปักรากฟันเทียม 2 ตัว เพื่อใช้รองรับสะพานฟัน 3-4 ซี่ เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่ที่อยู่ติดกัน
การปักรากฟันเทียมเพื่อรองรับฟันปลอมทั้งปากแบบถอดได้ (Implant Over Denture) คือ การปักรากฟันเทียมตัวเล็ก 2-4 ตัวต่อขากรรไกร เพื่อใช้รองรับฟันปลอมทั้งปากแบบถอดได้
รากฟันเทียมทั้งปากแบบติดแน่น (All-ON-4 or All-ON-X) คือ การปักรากฟันเทียม 4-6 ตัวต่อขากรรไกร เพื่อใช้รองรับฟันปลอมทั้งปากแบบติดแน่น
ทำให้เคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้สึกเหมือนได้ฟันธรรมชาติกลับคืนมา ไม่ต้องถอดฟันปลอมเข้า-ออก
ใส่ฟันได้โดยไม่ต้องกรอแต่งซี่ฟันข้างเคียง ซึ่งการทำสะพานฟันจะต้องกรอซี่ฟันข้างเคียงร่วมด้วย
พูดออกเสียงได้ชัดเจน
มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยิ้มมั่นใจ ส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดี
ดูแลทำความสะอาดฟันได้ง่าย เมื่อเทียบกับสะพานฟัน
ลดปัญหาการหลุดหรือหลวมของฟันปลอมแบบถอดได้
ขั้นตอนการปักรากเทียมจะยุ่งยากซับซ้อนกว่าเมื่อเทียบกับฟันปลอมชนิดอื่นๆ เช่น สะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบถอดได้
ระยะเวลาในการทำรากฟันเทียม ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน และอาจจะนานเป็นปีกรณีใส่รากฟันเทียมหลายซี่ แต่ถ้าทำฟันปลอมชนิดอื่นๆ ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์
รากฟันเทียมต้องทำการผ่าตัด ภายใต้การฉีดยาชาเฉพาะที่
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการปักรากฟันเทียมไม่ได้แตกต่างจากการทำสะพานฟันมากนัก เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้ว การทำรากฟันเทียมจึงมีความนิยมมากกว่าการทำสะพานฟัน
ปรึกษาและวางแผนกับทันตแพทย์ : ซึ่งทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปากและ x-ray 3D เพื่อประเมินกระดูกบริเวณที่ต้องการฝังรากฟันเทียม ในกรณีที่ต้องฝังรากฟันเทียมหลายตัว ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันหรือสแกนช่องปากเพื่อประกอบการวางแผนการรักษาและทำ surgical guide ร่วมด้วย
ทันตแพทย์อธิบายแผนการรักษา : ขั้นตอนการรักษา และศัลยกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เช่น การปลูกกระดูก (Bone graft) และการยกผนังไซนัส (Maxillary Sinus lifting) รวมทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษา
การเตรียมตัวก่อนฝังรากฟันเทียม : นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย รับประทานยาประจำตัวให้เรียบร้อย
วันนัดฝังรากฟันเทียม : จะทำการฝังรากฟันเทียมภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากฝังรากเทียมแล้ว ทันตแพทย์จะทำการเย็บแผล และนัดตัดไหม 2 สัปดาห์
การทำครอบฟันบนรากฟันเทียม : หลังจากฝังรากฟันเทียม 3-6 เดือน เพื่อรอให้กระดูกยึดแน่นกับรากฟันเทียมดี ทันตแพทย์จะทำการนัดคนไข้เข้ามาสแกนฟันเพื่อทำครอบฟัน จากนั้นรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดเข้ามาใส่ครอบฟัน
ตรวจเช็ครากฟันเทียม : ทันตแพทย์จะนัดกลับมา 1 เดือนหลังใส่ครอบฟัน, 3 เดือน และจากนั้นจะทำการนัดทุกๆ 6-12 เดือน
การดูแลทันทีหลังผ่าตัดฝังรากฟันเทียม
- หลีกเลี่ยงการสังผัสบริเวณที่ผ่าตัด บ้วนปากหรือถ่มน้ำลายแรงๆ 1-2 วันแรก
- หลังทำไปจะมีอาการบวมเกิดขึ้นได้แนะนำประคบเย็น 1 วันแรก จากนั้นหากมีอาการบวมให้ประคบอุ่น 2-4 วัน
- งดออกกำลังกายหนัก 2-3 วันแรก
- รับประทานยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดลดบวมตามที่คุณหมอสั่งจ่ายให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แผลหายเป็นปกติ
การดูแลตนเองหลังทำรากฟันเทียม
- หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งหรือเหนียว แนะนำให้รับประทานเฉพาะอาหารอ่อนๆ ก่อน 7-14 วัน
- ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูด เพราะจะทำให้แผลเปิดได้
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัจจัยสำคัยที่ขัดขวางการหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงของการล้มเหลวในการฝังรากเทียม
- แปรงฟันได้ปกติด้วยขนแปรงอ่อนนุ่ม โดยแปรงเบาๆ และใช้ไหมขัดฟันได้ตามปกติ
- บ้วนน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Chlorhexidine mouthwash ที่คุณหมอสั่งจ่ายให้ เพื่อลดการติดเชื้อในช่วงแรก 1-2 สัปดาห์
- พบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน หรือโรคกระดูกพรุน
M'JOY Dental Clinic (พัฒนาการ 46)
⏰ เปิดบริการทุกวัน เวลา 10:30 - 19:30 น. (ปิดทุกวันพุธ)
🚗 มีที่จอดรถ
🏥 1508 ถ.พัฒนาการ แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กทม. 10250
📞 095-970-0189